วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2558

นมม้า

อาหารหลักของชาวมองโกล ได้แก่ นมและเนื้อสัตว์ โดยเฉพราะนมม้าถือเป็นเอกลักษณ์ของอาหารของมองโกเลัยเลยทีเดียว ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากนมม้าทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นนมเปรี้ยว โยเกิร์ต ชีส เนย หรือแม้แต่เหล้า ที่มา : อาหารประจำชาติ


แบล็กฟอเรสต์เค้ก


แบล็กฟอเรสต์ เป็นชื่อสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งมีชื่อเสียงไปทั่วโลกของเยอรมนี จึงแน่นอนว่าแบล็กฟอเรสต์ย่อมต้องเป็นขนมเค้กชื่อดังของเยอรมนี ลักษณะคือเป็นเค้กช็อกโกแลตที่ซ้อนกันหลายชั้นสลับกับครีม เชอรี่ แยมผลไม้ และใส่เหล้ารัมลงไป ถือกำเนิดขึ้นในต้นศตวรรษที่ 19 ทางตอนใต้ของเยอรมนี ซึ่งภายหลังได้รับการปรุงแต่งในสมบรูณ์ยิ่งขึ้นด้วยฝีมือของคนทำเค้กในกรุงเบอร์ลิน ที่มา : ขนมนานาชาติ


วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2558

ติ่มซำ

ติ่มซำเป็นอาหารจีน แต่แพร่หลายอย่างมากในฮ่องกง จนอาจกล่างได้ว่าทุกวันนี้ติ่มซำกลายเป็นอาหารเอกลักษณ์ของฮ่องกงไปเสียแล้ว เดิมเป็นเพียงของรองท้องที่พวกกรรมกรกินกันเป็นลม ทำจากเศษเนื้อหมู แป้งหมี่ มาห่อหรือปั้ยให้เป็นชิ้นพอคำ ปัจจุบันมีวัตถุดิบตั้งแต่เนื้อหมูธรรมดาไปจนหรูหราอย่างหูฉลาม บรรจุในเข่งไม้ไผ่ซ้อนกันเป็นตั้งๆทานคู่กับน้ำชา มักทานตอนสายๆของวัน ที่มา : อาหารประจำชาติ



วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2558

น้ำมะนาว

น้ำมะนาวเป็นเครื่องดื่มสากลที่ไม่ว่าใครก็ทำได้ส่วนประกอบมีแค่น้ำ น้ำตาล และน้ำมะนาว ดูเหมือน
เป็นเครื่องดื่มพื้นๆ แต่ความจริงแล้วมีประวัติความเป็นมาเก่าแก่ยาวนานตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ
เลยทีเดียว พวกเขาคือชนชาติแรกที่คิดค้นเครื่องดื่มนี้ขึ้น  ซึ่งก็เป็นที่ชื่นชอบของคนทุกวัย นอกจากนี้
น้ำมะนาวยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพ (แต่ต้องไม่ใส่น้ำตาลเยอะเกินไป) ช่วยในเรื่องการย่อยอาหาร
แก้จุกเสียด ท้องร่วง ท้องเสีย ท้องผูก  ที่มา : เครื่องดื่มหลากสัญชาติ

อาลัว

อาลัวมีความหมายว่าเสน่ดึงดูดใจ เป็นขนมไทยที่มีต้นกำเนิดมาจากโปรตุเกส ผู้ที่คิดค้นขึ้นคือท้าวทองกีบม้าหรือมารี กีมาร์ เดอ ปีนา ทำจากแป้ง ผิวด้านนอกเป็นน้ำตาลแข็ง ด้านในเป็นแป้งหนืด มักทำเป็นอันเล็กๆมีหลายสีและกลิ่นหอมหวาน ขนมอาลัวแบ่งได้ดชเป็น 2 ชนิด คือ อาลัวชาววัง และอาลัวจิ๋ว อาลัวชาววังจะมีขนาดใหญ่กว่าและมีส่วนผสมของกะทิมากกว่าอาลัวจิ๋ว ที่มา : ขนมนานาชาติ

วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2558

ว้อดก้า


 ว้อดก้ามีต้นกำเนิดในแถบยุโรปตะวันออก โดยเฉพาะรัสเซียและโปแลนด์ซึ่งมีอากาศหนาวเย็น คำว่า ‘ว้อดก้า‘ แปลว่า ‘น้ำแห่งชีวิต’ อันจะช่วยให้ ชาวรัสเซียและโปแลนด์มีชีวิตรอดผ่านความทารุณ ของสภาพอากาศไปได้ว้อดก้าเป็นเหล้าสีขาวใส มีกลิ่น เล็กน้อย ปริมาณแอลกอฮอล์สูง 40-60 ดีกรีวิธีทำคือ หมักข้าว มันฝรั่ง หรืออ้อย แล้วแต่วัตถุดิบในท้องที่ จากนั้นกรองและดูดกลิ่นจนเหลือสีและกลิ่นเจือปน น้อยที่สุด ที่มา : เครื่องดื่มหลากสัญชาติ

กาโด กาโด


กาโด กาโด เป็นอาหารของประเทศอินโดนีเซีย ประกอบไปด้วยผักและธัญพืชหลากหลายชนิด เช่น แครอต มันฝรั่ง กระหลำ่ปลี ถั่วงอก ถัวเขียว ขนุนอ่อน ผักกาดหอม เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเต้าหู้และไข่ต้มสุกด้วย กาโด กาโด รับประทานคู่กับข้าวเกรียบทอดและซอสถั่วที่คล้ายกับซอสสะเต๊ะ รสชาติหวานมัน แต่เพนาะเครื่องสมุนไพรในซอส จึงทำให้เมื่อรับประทานแล้วไม่รู้สึกเลี่ยนกะทิมากจนเกินไป
ที่มา : อาหารประจำชาติ

พุดดิ้ง

นภาษาอังกฤษ คำว่า "พุดดิ้ง"ใช้เรียกรวมอาหารประเภทอบทุกชนิด ไม่แยกอาหารหวานหรืออาหารคาวต้นตำรับพุดดิ้งนั้นมาจากประเทศอังกฤษ ส่วนประกอบของพุดดิ้งที่เป็นขนม ได้แก่ แป้งสาลี น้ำตาล ไข่ไก่ นม เนย และผลไม้ใส่ลงไปผสมกัน ปรุงรสและแต่งกลิ่นตามความชอบ เสร็จแล้วนำไปอบให้พอดี รับประทานได้ทั้งอุ่นๆ หรือนำไปแช่เย็นก่อนแล้วค่อยรับประทานก็ได้เช่นกัน  ที่มา : ขนมนานาชาติ

วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558

มาการอง

เป็นขนมที่มีต้นกำเนิดจากฝรั่งเศส ส่วนประกอบหลัก ได้แก่ อัลมอนด์ น้ำตาล และไข่ขาว ลักษณะคล้าย
คุกกี้ชิ้นเล็กประกบกัน สีสันสดใส กรอบนอกนุ่มในสอดไส้ตรงกลางด้วยกานาช(ส่วนผสมที่เข้มข้น)
หลายรสชาติ เช่น ช็อกโกแลต สตรอเบอรี่ วานิลลา อัลมอนด์ หรือผลไม้ตามฤดูกาล
จุดเด่นของมาการองคือกลิ่นที่ หอมหวานและความหนุบหนับเวลาเคี้ยวเพราะความชื้นของไส้กานาชซึมสู่เนื้อคุกกี้นั่นเอง
ที่มา : ขนมนานาชาติ


ฟองดู

ฟองดูเป็นอาหารดั้งเดิมของสวิตเซอร์แลนด์นิยมรับประทานในฤดูหนาว  ตามประวัติเหล่าว่าในฤดูหนาวอันโหดร้ายไม่เหลือเสบียงอะไรเลยนอกจากเศษขนมปังกับชีดแข็งจนตัดไม่ออก  นักบวชรูปหนึ่งจึงนำเอาชีดมาละลาย  ผสมไวน์ขาวและเครื่องเทศ  แล้วนำขนมปังมาจิ้มกิน ภายหลังจึงกลายเป็นเมนูยอดนิยม  ฟองดูนั้นถ้าไม่ใช้ขนมปังก็สามารถเปลี่ยนเป็นอะไรก็ได้ ตามแต่ชอบ
ที่มา:อาหารประจำชาติ

วันพุธที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2558

แซงเกรีย

เป็นเครื่องดื่มดั้งเดิมของประเทศสเปนและโปรตุเกส คำว่า "แซงเกรีย" มาจากรากศัพท์ที่แปลว่า "เลือด"
ตั้งตามสีของเครื่องดื่มที่ออกสีแดงเข้ม เนื่องจากมีไวน์แดงเป็นส่วนผสมหลัก ผสมกับน้ำสม น้ำผึ้ง และน้ำเชื่อม นอกจากนี้ยังสามารถใส่ผลไม้ต่างๆ ลงไปผสมด้วยก็ได้เหมือนกับน้ำพั้นช์ แซงเกรียเหมาะสำหรับงานเลี้ยงรื่นเริง แม้จะมีรสชาติออกหวาน แต่ควรระหวังเวลาดื่มจะเมาได้ไม่รู้ตัว เพราะมีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ  ที่มา: เครื่องดื่มหลากสัญชาติ


Hello!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!